Thursday, July 21, 2005

พี่คล้าว...มาเเล้ว


มาเเล้วครับสำหรับ Peter Crouch ซึ่งผมขออนุญาตเรียกว่าพี่คล้าว เเล้วกันนะครับ จะได้ออกเสียงกันง่ายๆ พี่คล้าวย้ายมาจากทีมนักบุญเเดนใต้(ของอังกฤษนะครับ ไม่ใช่ของไทย เพราะทางใต้ของไทยตอนนี้นักบุญคงไม่อยากไปมากเท่าไหร่) ซึ่งฤดูกาลหน้าต้องไปเเสวงบุญใน Coca Cola Championship (ดิวิชั่นหนึ่งเดิม) ค่าตัวที่ย้ายมาก็ 7 ล้านปอนด์ครับ ซึ่งผมคิดว่าถูกมากสำหรับนักเตะอายุ 24

ด้วยส่วนสูงที่ขาดอีก 2 เซนติเมตร จะ 2 เมตรพอดี ทำให้คล้าวเป็นนักเตะที่ได้เปรียบในการเล่นลูกกลางอากาศ นอกจากนั้นเเล้ว คล้าวยังครองบอล เเละ เอาบอลลงพี้นได้ดีอีกด้วย ซึ่งคุณสมบัติข้อนี้ผมว่าสำคัญมากสำหรับนักเตะที่มีรูปร่างสูง เพราะส่วนใหญ่เราจะเห็นว่านักเตะพวกนี้จะได้บอลครับเมื่อบอลถูกโยนโด่งมา เเต่จะเอาบอลลงกันไม่ค่อยเนียน โดยมากก็จะโหม่งต่อให้เพื่อนเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งประสิทธิภาพ เเละความเเม่นยำ รวมถึงความง่ายที่จะเล่นบอลต่อ มันย่อมสู้ลูกเปิดจากเท้าไม่ได้

การมาของพี่คล้าวจะทำให้ ราฟา มีทางเลือกในเกมส์รุกมากขึ้น เรียกว่าหากถึงทางตันจริงๆ เเก้เกมส์ไม่ได้อย่างน้อยก็สามารถสาดบอลไปข้างหน้าให้พี่คล้าวได้ ซึ่งพี่คล้าวจะเลือกส่งหรือเข้าทำเองก็ได้ เเน่นอนครับการมาของพี่คล้าวมันอาจหมายถึงการจากไปของใครบางคน ที่โดนหมายหัวไว้ก็คือ บารอส

จริงๆ เเล้วผมชอบบารอสนะครับ ผมว่าเค้าเป็นนักเตะที่มุ่งมั่นเเละทุ่มเทดี พี่เเกวิ่งหน้าตั้งทั้งเกมส์ครับ เทคนิคลากเลื้อยอาจจะไม่ค่อยมีเท่าไหร่ เเต่ความเร็วนี่ไม่ต้องห่วง ผมว่าไม่เเพ้โอเว่นเเน่ เเต่ข้อเสียของบารอสคือ พี่เเกเป็นพวกข้ามาคนเดียว การประสานงานกับเพื่อนคนอื่น น้อยไปหน่อย ซึ่งผมคิดว่าราฟา ต้องการสร้างส่วนนี้ให้กับลิเวอร์พูล

อ้าวเมื่อเจ้านายไม่ค่อยชอบใช้บริการ เเล้วตอนนี้กองหน้าในทีมก็มากเหลือเกิน ทั้ง Anthony Le Tallec, Luis Garcia, Djibril Cisse, Fernando Morientes รวมพี่คล้าวเเละบารอสด้วยนี่ปาเข้าไป หกคน ครึ่งทีมเข้าไปเเล้ว งานนี้ผมว่าบารอสไปเเน่เลย

โอ้พิมพ์นานเเล้วเริ่มปวดเเขนครับ ยังไงก็หวังว่าพี่คล้าวคงไม่ทำให้เเฟนเเฟน มนต์รักลูกทุ่งผิดหวังนะครับ กลัวเหลือเกินว่าพี่เเกจะมาเเทนพี่สาก เฮสกี้ ที่มาโหม่ง เเล้วก็วิ่งไล่บอล จนช่วงหลังหลังไปวิ่งไล่ทางริมเส้นด้านซ้าย จนบางทีผมนึกว่าเเกเป็นเเบ็คซ้ายซะด้วยซ้ำ

Thursday, July 07, 2005

คาราบาว(เเดง)


ขึ้นหัวข้อด้วยคำว่าเเดงอีกครั้ง ไม่ใช่ว่าชอบสีเเดงเป็นพิเศษนะครับเเต่เป็นเรื่องบังเอิญเท่านั้นเอง

เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาไปดูการเเสดงสดของวงขวัญใจตลอดกาลของผม คาราบาว ที่วัดลาวพุทธวงศ์ Virginia เลยอยากเขียนอะไรที่เกี่ยวกับวงดนตรีที่ชื่นชอบสักหน่อย
ผมชื่นชอบ คาราบาว มาตั้งเเต่เด็กทั้งเนื้อหาที่สะใจ ตรงใจเด็กบ้านนอกอย่างผม เเละทำนองที่ฟังง่าย สนุกเเบบสามช่าเมืองไทย ผมติดตามผลงานของวงนี้มาเเทบทุกชุด สังเกตุเห็นความเปลี่ยนเเปลงของดนตรี เเละนักดนตรี

เดิมทีเนื้อหาเพลงของคาราบาวค่อนข้างหนัก เน้นและสะท้อนให้เห็นถึงความไม่เป็นธรรมในสังคมดังเช่นในเพลงถึกควายทุย ภาคเเรกๆ บางครั้งมีการนำเสนอชีวิตชาวบ้านในชนบทที่สวยงาม เเละไม่สวยงามสลับกันไป เเละเเน่นอนการเสียดสีสังคม นโยบายรัฐบาล มีให้เห็นในเเทบทุกชุด

จุดเปลี่ยนสำคัญที่สุดเกิดขึ้นเมื่อไม่กี่ปีมานี้ผมจำไม่ได้เหมือนกันว่ากี่ปีมาเเล้ว คาราบาวกลับมารวมตัวกันใหม่หลังจากระเห็จระหกระเหินหายกันไปนานเเต่คราวนี้กลับมาทำเพลง พร้อมด้วย เครื่องดื่มชูกำลัง พร้อมกับกำลังการตลาดที่มากขึ้นกว่าเดิมเยอะ

กลับมาเรื่องคอนเสิร์ตดีกว่า เปิดเวทีด้วยเพลงลุงขี้เมา เเล้วก็เมดอินไทยเเลนด์ ตามมาด้วยเพลงเดือนเพ็ญ พอเพลงนี้ขึ้นผมขนลุกเลย เสียงของคุณเเอ็ด คาราบาวยังคงความขลังเหมือนเดิม นุ่มเเต่เเฝงด้วยพลัง ผมคิดถึงบ้านขึ้นมาทันที ทั้งๆที่ตอนนั้น เเดดตรงหัว ร้อนเเทบตาย เเต่ไม่รู้เป็นยังไงรู้สึกว่ามีดวงจันทร์อยู่ตรงหน้าจริงๆ

ผมไม่เคยดูคอนเสิร์ตคาราบาวที่เมืองไทยเลย ซื้อเทปฟังอย่างเดียว มาเล่นคอนเสิร์ตที่เมกาคราวนี้ คาราบาวมาเเปลก มีการโฆษณาขาย คาราบาวเเดงด้วย อย่างว่าละครับ ลงทุนกันไปเเล้วก็ต้องพยามขายเพื่อหารายได้ทำกำไรกันให้ได้ นักดนตรีก็หน้าตาเเปลกไป พวกหน้าเก่าก็หน้าเปลี่ยนโหงวเฮ้งดีขึ้นเยอะเรียกว่ามาดโทรมๆ เเบบเมื่อก่อนไม่มีให้เห็นอีกเเล้ว นอกจากนั้นยังมีนักดนตรีหน้าใหม่ๆ มาเพิ่มด้วย ซึ่งบางคนผมต้องยอมรับครับว่าไม่รู้จัก

ผมไม่เห็นด้วยนะครับที่คาราบาวมาทำเครื่องดื่มชูกำลังขาย ก็รู้ๆกันอยู่ว่ามันไม่ได้ช่วยให้คนไทยมีประสิทธิภาพการทำงาน และคุณภาพชีวิตดีขึ้น เมื่อก่อนคุณเเอ๊ดก็เคยตำหนิผู้ผลิตเครื่องดี่มประเภทนี้มาก่อน เเต่เเล้วก็มาทำเอง (ไม่รู้ไปได้สูตรที่ดีกว่าหรืออย่างไร ถึงมาทำ) ถึงผมจะไม่เห็นด้วย เเต่ก็เข้าใจนะครับที่คาราบาวทำลงไป เมื่อถึงยุคที่เศรษฐกิจถูกขับเคลื่อนด้วยพลังทุนนิยม เงินก็เป็นสิ่งจำเป็นที่ทุกๆคน ต้องมีเพื่อใช้กินใช้อยู่ คาราบาวก็เช่นกัน เมื่อสมาชิกในวงเพิ่มขึ้น รายได้จากดนตรีอย่างเดียวก็คงจะไม่พอซะเเล้ว ขายบาวเเดงนี่เเหละง่ายดี ยังไงภาพของคาราบาวก็ขายได้อยู่เเล้วในหมู่คนรายได้น้อยชี่งเป็นกลุ่มบริโภคหลักของเครือ่งดื่มชูกำลัง มันคงเหมือนที่คุณเเอ๊ดพูดก่อนจะเล่นเพลงทะเลใจเเหละครับ "ถ้าหากคนเราสามารถเอาชนะกิเลส ตัณหาได้ก็ไม่ต้องตกอยู่ในวงวนของความวุ่นวาย"

ผมเดินออกจากคอนเสิร์ตทั้งที่การเเสดงยังไม่จบเนื่องจากต้องรีบกลับซะก่อน เสียดายจริงๆ เเต่ยังไงก็มีความสุขครับ ได้ฟังเพลงที่ชอบสดๆ มันเหมือนได้ย้อนกลับไปหาอดีตสมัยที่ยังอยู่บ้านนอกอีกครั้งหนึ่ง

Tuesday, July 05, 2005

Gerrard



ตอนเเรกกะว่าจะเขียนเกี่ยวกับคาราบาวที่เพิ่งไปดูมาเมื่อวันอาทิตย์ เเต่ยังเขียนไม่จบ กลับมีข่าวใหญ่เกี่ยวกับทีมรักออกมาซะก่อน
ในที่สุดเค้าก็จากเราไป อย่างว่าครับคนเราไม่มีใจกันเเล้วไม่รู้จะรั้งกันไปทำไม เมื่อ Gerrard ต้องการความท้าทายใหม่ ใครจะไปรั้งไว้ได้ ผมไม่เเน่ใจเหมือนกันครับว่าเงินมีส่วนในการตัดสินใจรึเปล่า หาก Gerrard เป็นสัตว์เศรษฐกิจ (ขออนุญาตยีมคำนี้จากคุณปิ่นนะครับ) ผมว่ายังไงยังไงเงินก็ต้องเป็นปัจจัยหนึ่งในการตัดสินใจ ใครจะไปห้ามใจได้ละครับเมื่อเงินมันมากกว่ากันตั้งเกือบสองเท่า จริงๆ ผมเข้าใจเค้านะครับ อาชีพนักเตะมันไม่ได้เล่นกันได้ตลอดชีวิตเหมือนนักการเมืองไทยนะครับ พอเข้าเลขสามก็เตรียมตัวเก็บรองเท้าเเล้ว ยิ่งสมัยนี้เด็กๆมาเร็วเเละเเรงเหลือเกิน นักเตะเก่าก็ยิ่งมีอายุการใช้งานที่สั้นลง
ความจริงถ้าจะเอาเเค่ความท้าทายอย่างเดียว ผมว่าเค้าไม่น่าจะย้ายเพราะ Gerrard ยังไม่เคยชูถ้วยที่ลิเวอร์พูลยังไม่เคยได้เลย (ตั้งเเต่เปลี่ยนมาเป็น premier leaque ลิเวอร์พูลไม่เคยได้เเชมป์กับเค้าเลย) หากอยากท้าทายจริง น่าจะอยู่ต่อจนได้เเชมป์ลีกซะกอ่น

เอาล่ะครับยังไงก็ตามต้องมาลุ้นกันว่า Gerrard จะทำประโยชน์ครั้งสุดท้ายให้ลิเวอร์พูลได้มากน้อยเเค่ไหน หากจากไปพร้อมเงินซัก 35ล้านปอด์น ผมว่าเป็นการสูญเสียที่คุ้มค่าครับ ผมเพิ่งอ่าน Soccersuck.com ก่อนเข้ามาเขียน ชอบมากเลยครับสำหรับบทความของคุณ เบน ฟรีคิก ที่เขียนถึงGerrard ว่า
"ในรายของเจอร์ราร์ด คงไม่มีเดอะค็อปคนไหนกล้าขออะไรมากไปกว่าอ้อนวอนให้อยู่ดูใจกันต่อไป เสียงด่าไล่หลังตามมาคงไม่น่าจะมีให้เห็นเพราะตั้งแต่อดีตเด็กน้อยที่นั่งขัดรองเท้าให้รุ่นพี่จนก้าวมาเป็นกัปตันทีมได้"รับใช้"ทั้งใจและกายให้สโมสรจนหมดสิ้นไม่มีเหลือแล้ว.."


กลับมาดูกันในทีมดีกว่าครับว่าหลังการไปของเจอร์ราร์ด ใครจะมาเป็นหัวหน้าทีมเเทน ใจผมอยากให้ ให้คาราเกอร์ รับปลอกเเขนต่อจริงๆครับ เค้าเป็นชาวลิเวอร์พูล (Scouser) เเต่กำเนิด ถึงเเม้ช่วงเเรกๆของอาชีพจะไม่ค่อยราบรี่น โดนจับไปเล่นสาระพัดตำเเหน่ง สุดท้ายมาลงที่เเผงหลังก็ยังปล่อยไก่ เข้าพรวด ให้เห็นเเต่ช่วงปีสองปีหลัง เค้าได้พิสูจน์ตัวเองเเล้วว่าเป็นยอดกองหลังในเกาะอังกฤษ เเละเวทียุโรปอีกคนนึง เรื่องทุ่มเทนี่ไม่ต้องห่วงครับผมว่าเค้าไม่น้อยกว่าเจอร์ราร์ดเเน่ เเต่ที่ห่วงคือภาวะผู้นำอาจจะยังไม่เท่าเจอร์ราร์ดครับ ก็ต้องมาคอยดูกันครับว่าราฟา จะไว้ใจใคร

ประเด็นที่ผมห่วงอยู่นิดหน่อยคือเมื่อทั้งนักเตะเเละสต๊าฟโค้ชเป็นชาวต่างชาติเป็นส่วนใหญ่ หัวใจสิงห์ซึ่งเป็นลักษณะของนักเตะอังกฤษจะหายไปรึเปล่า